รถพ่วง 18 ล้อน้ำหนัก รวมประมาณ 45 ตัน แต่ว่ารถมีน้ำหนัก 15 ตัน จึงสามารถบรรทุกน้ำหนักสินค้าได้ 30 ตัน (ตามกฎหมายกำหนด)
เจ้าของรถบอกว่า เขาขนแผ่นวัสดุก่อสร้าง รถเป็นของตัวเอง ไม่ได้รับจ้างบริษัท และ ค่าบรรทุกสินค้าไป-กลับ ได้เงิน 240 บาท ต่อตัน ขน 30 ตัน ก็จะได้เงิน ประมาณ 7,200 บาท ส่วนต้นทุนในการวิ่งจะมี ค่าน้ำมัน ประมาณ 4,000บาท ค่าบำรุงรักษารถค่าเสื่อมของล้อรถ ตกวันละ 200 บาท เหลือกำไรวิ่งรถเฉลี่ย ประมาณวันละ 3,000บาท
แฉเส้นทาง “ส่วยสติ๊กเกอร์” สายอีสาน “เสี่ยเบิร์ด 3B”
แฉ! รูปแบบจ่าย “ส่วยสติกเกอร์”รถบรรทุก
ส่วนกรณีของรถบรรทุกที่จ่ายส่วยที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ คนขับรถบรรทุกคนนี้ให้ข้อมูลว่า ส่วนใหญ่จะเป็นรถพ่วงประเภท ขนหิน ดิน ทราย วิ่งช่วงเวลากลางคืน ซึ่งรถประเภทส่วนใหญ่จะอยู่สังกัดบริษัท ที่มีการแข่งขันดั๊มราคากันเพื่อจูงใจลูกค้าผู้ว่าจ้าง ทำให้ได้ค่าน้ำหนักราคาถูก ขณะที่ราคาน้ำมัน ค่าบำรุงรักษาต่างๆก็ยังต้องจ่ายเท่าเดิม ทำให้ทางบริษัทเหล่านี้อาศัยการแบกน้ำหนักเพิ่มขึ้น เพื่อที่จะได้ค่าวิ่งรถเพิ่มขึ้นแทน
แหล่งข่าวในวงการรถบรรทุกอีกคน (ไม่เปิดเผยตัวตน) เล่าว่า รถพ่วงที่ติดสติกเกอร์ส่วนใหญ่บรรทุกน้ำหนักได้ไม่เกิน 50,500 กิโลกรัม(50 ตัน 500 กิโลกรัม) หักน้ำหนักตัวรถไป 25 ตัน จะเลือกบรรทุกสินค้าได้ 25 ตันปกติค่าวิ่งรถจะคิดตามน้ำหนักสินค้า ตันละประมาณ 200 บาท ถ้าขนสินค้า 25 ตัน จะได้เงิน 5,000 บาทต่อเที่ยว
แต่ถ้าขนเกินกฎหมายกำหนด เช่น เพิ่มเป็น 100 ตัน หัก น้ำหนักรถเหลือ 75 ตัน ก็จะได้เงิน 15,000 บาท หรือเท่ากับ 3 เท่าของปกติ
นี่เป็นสาเหตุที่ถูกอ้างว่า กลุ่มรถบรรทุกจึงยอมจ่ายส่วยเดือนละ หลักพัน-หลักหมื่น เพราะ เพิ่มรายได้ให้
ขณะที่คนขับรถบรรทุกอีกคันที่ทีมข่าวเข้าไปคุยด้วย คนนี้เป็นพนักงานของบริษัทขนส่ง ในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ที่วันนี้ขนสับปะรดจากจังหวัดเชียงรายไปส่งที่หัวหิน จ.ชลบุรี
ทีมข่าวสังเกตเห็นว่าบริเวณหน้ารถมีสัญลักษณ์ตัว T แปะอยู่ เมื่อสอบถามคนขับรถ บอกว่า เป็นสัญลักษณ์ผ่านชายแดนไปนอกประเทศ เหมือนเป็นพาสปอร์ตรถที่ขออย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดย T ย่อมาจากคำว่า Thailand
พนักงานขับรถคนนี้บอกว่า รถของบริษัทตัวเองขนส่งในรูปแบบของการรับเหมาเที่ยวระยะทางไกล อย่างสัปปะรดที่ขนมาน้ำหนัก15 ตัน ราคาจ้างอยู่ที่เที่ยวละ 18,000บาท กำไรอยู่ที่ประมาณ 8,000 บาท แบ่งเป็นค่าจ้างคนขับรถ 3,000 บาท และ กำไรบริษัท 5,000 บาท ยืนยันว่ารถของบริษัทเขาไม่ได้จ่ายส่วยตามข่าวคำพูดจาก เป๋าเงินจริงสำ
พร้อมเล่าว่า มีเหมือนกันที่บางครั้งขนเกินน้ำหนัก ก็จะถูกเรียกตามด่าน และเสียค่าปรับ 400-500 บาท
แหล่งข่าวกลุ่มรถบรรทุกที่ไม่เปิดเผยตัวตน ยังเล่าเพิ่มเติมอีกว่า นอกจาก ส่วยรถบรรทุกที่แบกน้ำหนักเกิน
ยังมีส่วยรถบรรทุก ที่ขับผ่านเส้นทางกทม.ด้วย กลุ่มนี้ จะจ่ายเพื่อแลกกับการวิ่งในพื้นที่ เพราะ บางพื้นที่กำหนดเวลาวิ่ง แต่รถบางคันวิ่งได้ไม่ถูกจับ